วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้


1.ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชานี้
ตอบ ได้รู้เกี่ยวกับการศึกษาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทั้งความเป็นมา วิวัฒนาการการศึกษาไทย และทัศนคติเกี่ยวกับการศึกษา ทำให้เราได้นำความรู้ที่ได้นี้มาปรับใช้กับตัวเราจนถึงการสอบบรรจุครูในอนาคต คะ

2.การนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนักศึกษาเห็นว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ตอบ แน่นอนว่าในปัจจุบันนั้นมีความทันสมัยมากขึ้น การนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับรายวิชานี้จึงมีความสำคัญมาก คือ ทำให้มีความสะดวกและรวดเร็วในการทำงานทั้งครูผู้สอนและนักเรียน  ส่วนในเรื่องข้อเสียคือ หากไม่มีอินเทอร์เน็ต บล็อกก็เหมือนจะทำอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน คะ

3.บอกความรู้สึกต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อก
ตอบ สำหรับดิฉัน การจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อกในวิชานี้ เป็นการเรียนการสอนที่ทำให้ดิฉันมีความสะดวกและรวดเร็วในการทำงาน สามารถเเก้ไขงานและส่งงาน อาจารย์ได้ทันเวลาที่กำหนดและสามารถกลับไปศึกษาหรือทบทวนเนื้อหาการสอนที่อาจารย์ได้ลงบล็อกไว้ได้อีกด้วย จึงรู้สึกชอบมากสำหรับการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อก คะ

4.ถ้าประเมินอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ เกรด A,B,C จะให้ระดับใด เหตุผล
ตอบ สำหรับอาจารย์ดิฉันให้เกรด A คะ เพราะจากที่ได้เรียนกับอาจารย์ อาจารย์เป็นคนตรงต่อเวลา รับผิดชอบงาน และมีการวางแผนการเรียนให้แก่นักศึกษา จากที่อาจารย์เคยบอกว่า อาจารย์ตื่นมาเตรียมความพร้อมในการทำบล็อกสำหรับการสอนนักศึกษา เสร็จตอนเวลา 5.00 น. คือ ทำให้เห็นว่าอาจารย์มีความตั้งใจกับการสอนนักศึกษามาก คะ


ครูในดวงใจ

ครูในดวงใจ

น.ส.พิชญ์รตา ศิวาโมกข์   ครูชำนาญการ กศ.บ.คณิตศาสตร์

ครู  เกิดที่ อ.เชียรใหญ่. จ.นครศรีธรรมราช ในครอบครัวค้าขาย ด้วยเหตุนี้พี่น้องทั้ง 7คน ต้องตื่นเช้าตั้งแต่เวลา 05.00 น.ต้องทำหน้าที่ตามที่พ่อแม่มอบให้ตามเพศและตามอายุของลูกๆ คือจะช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันเพื่อแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูในตอนนั้นคือ การเรียนหนังสือ ครูจะต้องมีทั้งความขยันและความอดทนอย่างมาก ทั้งการเรียนและงานที่บ้าน เพื่ออนาคตของตัวครูและครอบครัว จนครูสอบเข้ามาเป็นครูคณิตศาสตร์ ครูรู้อยู่แล้วว่าครูชอบคณิต ชอบการคิดคำนวณ ชอบการเข้าสังคม ชอบสอนคนอื่น ครูจึงรู้สึกภูมิใจอย่างมากที่ได้มาเป็นครู การเป็นครูมันทำให้ครูพบสิ่งใหม่ๆในชีวิต ถึงแม้ว่าสาขาที่ครูเรียนนั้นจะยากและเรียนหนัก แต่ผลที่ได้คือ การได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และมีความสุขก็พอแล้ว ครูเชื่อว่าทุกคนต้องเจออุปสรรคอย่างแน่นอน หากเราไม่ท้อและสู้ต่อไป เราก็จะผ่านมันมาได้อย่างแน่นอน.

ประวัติการศึกษา
-ป.1-4  เรียนที่โรงเรียนวัดพระหอมสังวรานุกุล  ตำบลเสือหึง อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 
-ป.5-7  เรียนที่ โรงเรียนปากพนังวิทยา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
- ม.ศ. 1-3 เรียนที่สตรีปากพนัง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
-ป.กศ.ต้นและสูง เรียนที่วิทยาลัยครูจันทรเกษม (ราชภัฎจันทรเกษมในปัจจุบัน) เรียนสาขาคณิตศาสตร์
-ระดับปริญญาตรี. เรียนที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจน์ บางแสน.เอกคณิตศาสตร์ (ม.บูรพาในปัจจุบัน) ที่นี่เรียนภาคค่ำ เพราะ กลางวันต้องสอนหนังสือเพี่อช่วยเหลือพ่อแม่ด้วย ...ที่นี้เรียนสนุกมากเพราะเราจะได้เจอะเจอผู้ใหญ่ที่เขามาเพิ่มเติมความรู้เพื่อพัฒนาตนเอง จบ ปี 2523

การทำงาน...
ขณะที่เรียนหนังสือ.ครูจะต้องสอนพิเศษในเวลาว่างตลอด   เมื่อจบปริญญาตรี ก็สอนที่โรงเรียนเอกชน จนปี พ.ศ.2524 สอบบรรจุได้ที่ โรงเรียน ประชารัฐสามัคคี อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ทำงานที่นี้ช่วง พ.ศ.2524- 2533 จะย้ายโอนมาสอนระดับมัธยมที่โรงเรียนทรายขาววิทยา  อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วง พ.ศ. 2533- 2535 ย้ายมาสอนที่ โรงเรียนปากพูน ช่วง พ.ศ. 2536 ปีเดียว แล้วย้ายมาโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช สอนที่ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ช่วง พ.ศ.2536-2558 แล้วเกษียณที่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ...

ความภาคภูมิใจของครู
จะมีทุกๆภาคเรียนคือ..เมื่อเด็กเรียนแล้วบอกว่า...หนูอยากเป็นครูคณิตผมอยากเป็นครูคณิตเพราะแสดงว่าเด็กคนนี้รักการเป็นผู้มีเหตุมีผลในการดำรงชีวิตด้วยปัญญา ด้วยความพอพียง...ส่วนเมื่อไรที่เด็กว่างๆ แล้วเกิดสอนพิเศษบ้างด้วยแล้ว...ใช่เลย..เพราะเด็กมีความสุขในการทำงานแบบพอเพียงแน่แล้ว...สอนเหนื่อยมากแต่ได้ผลตอบแทนพอประมาณ..แต่ก็สอนแบบสุขใจ.,.

คติการทำงาน…
งานทุกอย่าง... ต้องทำอย่างมีความสุข อยู่บนฐานของเหตุและผลที่ดี นะคะ

ความประทับที่มีต่อ ครูพิชญ์รตา ศิวาโมกข์   (ครูสาวคนเก่ง)

เชื่อเลยว่าถ้าเข้าไปถามนักเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช ทุกคนจะรู้จัก ครูพิชญ์รตา ศิวาโมกข์  แน่นอนเพราะ มีชื่อเสียงในด้านการสอนว่า สอนดีมากแต่การสอนโหดและเข้มงวดแน่นอน ครั้งแรกที่เจอกับครูสาวนั้นเป็นตอนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่รู้จักคือเรียนพิเศษกับครู ตอนแรกไม่สนิท  แต่ด้วยการที่พอขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูสาวได้มาสอนคณิตศาสตร์ในห้องเรียน และที่เรียนพิเศษ อีกด้วย จึงเจอครูอยู่ทุกวัน คือในเรื่องการสอน ครูสาวมีความจริงจังและทุ่มเทในการสอนทุกครั้ง  จึงทำให้นักเรียนคิดว่าครูดูโหดและเข้มงวด เช่น ให้การบ้านเยอะ แต่ต้องส่งงานตามเวลาที่กำหนด คือไม่ส่งไม่มีคะแนนกันเลย  พอเรียนห้ามคุยกันต้องหันหน้ามาที่กระดานและฟังที่ครูสอน เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่ทุกครั้งที่ครูจะสอนเข้มงวด บางครั้งมีความสนุกอยู่ด้วย แต่ความเข้มงวดและความโหดของครูสาวนั้น ไม่เพียงทำให้นักเรียนกลัวอย่างเดียว แต่ทำให้นักเรียนรักครูคนนี้กันเยอะมากเพราะจริงๆแล้วครูสาวเป็นคนน่ารัก ร่าเริ่งแจ่มใส และใจดีมาก ทุกครั้งที่เรียนกับครูสาวจะเข้าใจในเรื่องที่ครูสอน เรียนแล้วสนุก และครูจะคอยสอนเรื่องที่นอกเหนือจากการเรียนให้ทุกครั้ง แต่เมื่อพอขึ้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ก็ไม่ค่อยได้เจอครูสาวแต่ทุกครั้งที่เจอ ครูสาวจะคอยสอน ให้คำปรึกษา และคอยชี้แนะแนวทางให้เสมอ สิ่งเหล่านี้ทำให้ครูสาวเป็นครูในดวงใจของฉัน คะ 

กิจกรรที่ครูได้ทำ


กิจกรรมวันแม่ "๑๒ สิงหา มหาราชินี " ณ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช
วันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘        
                           

งานมหกรรมวิชาการมัธยมศึกษา ครั้งที่ ๒๕ ศูนย์วิชาคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ   ณ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช
วันที่ ๒๖ - ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘



การบันทึกเทปโทรทัศน์ถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 
เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ทางโทรทัศน์ช่อง 11
วันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘

               
กิจกรรมมุทิตาจิตคุณครูเกษียณอายุราชการประจำปี ๒๕๕๘  ณ โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช 
วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘






วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทดสอบกลางภาค

ให้นักศึกษาทำข้อสอบต่อไปนี้ ลงในบล็อกของนักศึกษา 20 คะแนน

1.การศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีสาระสำคัญอะไบ้าง                                      
ตอบ การศึกษาของไทยยุคก่อนไม่มีระบบโรงเรียนและชั้นเรียน มีบ้านและวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษา เช่น บ้านเป็นสถานที่อบรมกล่อมเกลาจิตใจของสมาชิกภายในบ้าน โดยมีพ่อและแม่ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดอาชีพและอบรมลูกๆ ส่วนวัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พระจะทำหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะผู้ชายไทยมีโอกาสได้ศึกษาธรรมะและบวชเรียน 

 

2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร                         

ตอบ แตกต่างกันคือสมัยกรุงสุโขทัย จะมีวัด รวมกันเป็นศูนย์กลางแห่งประชาคม และเป็นสถานที่สอนประชาคมไปในตัว วิชาที่เรียนคือภาษาบาลี ภาษาไทยและวิชาสามัญขั้นต้น สำนักเรียนมี 2 แห่ง แห่งหนึ่งคือวัด เป็นสำนักเรียนของบรรดาบุตรหลานขุนนางและราษฎรทั่วไป มีพระที่เชี่ยวชาญภาษาบาลีเป็นครูผู้สอน อีกแห่งหนึ่งคือ สำนักราชบัณฑิต ซึ่งสอนแต่เฉพาะเจ้านายและบุตรหลานข้าราชการเท่านั้น ในการจัดการศึกษาจะแบ่งออกเป็น 4 องค์ คือ จริยศึกษา พลศึกษา พุทธิศึกษา และพลศึกษา ส่วนลักษณะการศึกษาสมัยกรุงศรีอยุธยาการจัดการศึกษายังคงอยู่ที่วัดและบ้านแต่มีการติดต่อ ค้าขาย และเผยแพร่ศาสนากับชาติตะวันตก ทำให้สมัยนี้มีการสอนวิชาการเเบบยุโรปขึ้น และยังมีการจัดตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ขึ้นอีกด้วย                          

 

3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง                

ตอบ ชาวตะวันตกเข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสตร์อย่างจริงจัง โดยมีการจัดตั้งโรงเรียนขึ้น มีการติดต่อค้าขาย นอกจากนั้นยังได้สอนวิชาการแบบยุโรป เช่นดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศล การต่อเรือ รวมทั้งวิทยาการต่างๆ 

 

4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร         

ตอบ การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการเปลี่ยนแปลงไม่เด่นชัด ชาวบ้านที่มีฐานะดีและข้าราชการ นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่วัด และการจัดการศึกษาตอนต้นรัตนโกสินทร์ เริ่มนําวิทยาการใหม่ๆ จัดพิมพ์ตําราเรียนเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อไป 

 

5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร                                                                                                                                           

ตอบ หนังสือจินดามณี เกิดสมัยอยุธยา ตรงกับสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  มีที่มา คือ ฝรั่งเศสได้มาติดต่อค้าขายและได้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ และสอนวิชาการแบบยุโรป เกี่ยวกับ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส ต่อเรือ การก่อสร้าง ทำให้พระองค์เกรงว่าคนไทยจะหันไปสนใจเข้ารีตและนิยมฝรั่ง จึงทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดี แต่งหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็นของตนเอง ชื่อจินดามณี 

 

6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล                        

ตอบ ภาคการศึกษาสำหรับทวยราษฎร์ ได้แก่ ประถมศึกษา เป็นการศึกษาภาคบังคับ มีความรู้ทั้งฝ่ายสามัญศึกษาและวิสามัญศึกษา บังคับเด็กที่มีอายุตั้งเเต่ 7 ปีบริบูรณ์ เข้าเรียนทุกคน จนกระทั่งอายุครบ 14 ปีหรือจนจบหลักสูตรประถมศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย มีจุดมุ่งหมายเพื่อรับผิดชอบชั่วดี นำวิชาไปประกอบอาชีพและการเป็นพลเมืองดี 

 

7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล                          

ตอบ การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่ วัด มาติกาศึกษามี 8 มาติกา ดังนี้                                       

1.ตำบลที่เล่าเรียนคือ ตำบลของวัด                                                                                 

2.โรงเรียน คือ ที่เรียนของวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์ และวิหาร
3.นักเรียนและครู มี 3 ประเภท คือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
4.เวลาเรียน คือ ตอนพระว่าง
5.เครื่องเล่าเรียน คือ กระดานชนวน ดินสอพอ และปากกาไม้ไผ่
6.วิชาหนังสือ คือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
7.วิชาเลข คือ เลขคณิตวิธีต่างๆ
8.ข้อบังคับการเรียน คือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย
 

 

8.การศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบายและยกเหตุผล                       

ตอบ รัชกาลที่ 5 เพราะต้องการพัฒนาการศึกษาไทยให้ทันสมัยและต้องการคนที่มีความรู้ความ สามารถมาพัฒนาประเทศให้เท่าเทียมกับชาติตะวันตกในทุกด้าน 

 

9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล             

ตอบ เห็นด้วย เพราะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปครูและบุคลากรทางการศึกษา และมีการปรับปรุง พัฒนาคุณภาพมาตรฐานทุกระดับ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การศึกษาไทยเรามีการพัฒนามากขึ้น อีกทั้งปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการศึกษา ทำให้การเรียนการสอนสะดวก รวดเร็ว เเละทันสมัยขึ้น 

 

10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาสู่ยุคสมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอะไรบ้าง

ตอบ ประเทศสมาชิกอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ ได้เข้าร่วมกันภายใต้คำขวัญ "One Vision, One Identity, One Community" (หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่งเอกลักษณ์ หนึ่งประชาคม) เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพประชาชนเพื่อสร้างชาติให้เป็นประชาคมที่แข็งแกร่ง ซึ่งในด้านการศึกษามียุทธศาสตร์ ดังนี้                                                                                                               

ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน                                            

ยุทธศาสตร์ที่ 2 คุณภาพและโอกาสทางการศึกษา สร้างโอกาสทางการศึกษาระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา และเพิ่มคุณภาพการศึกษาการจัดมาตรฐานการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพคร ยุทธศาสตร์ที่ 3 เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนและการจัดการศึกษาให้มีความเสมอภาค จัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัต  แลยุทธศาสตร์ที่ 4 การสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรรายสาขาอื่น ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษา สนับสนุนการศึกษาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม การจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ การจัดการศึกษาเพื่อสิทธิมนุษยชนเป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิดีโอการศึกษา

วิดีโอการศึกษา

1. ชื่อเรื่อง  ผมเกลียดโรงเรียน
ข้อสรุปประเด็นที่ได้    
การศึกษาคือกุญแจในการจุดประกายความคิด ให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ใช่การท่องจำข้อมูลในตำรา หรือจะยัดเยียดอะไรลงไปในสมอง เพียงเพื่อให้ได้รับใบปริญญาและการจบการศึกษาสูงไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต อย่างเช่น  สตีฟ จ็อบส์ หรือ บิล เกตต์  ล้วนลาออกจากโรงเรียน แต่ก็ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น การจะประสบความสำเร็จได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการจบการศึกษาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันมีมากกว่าหนึ่งทางในโลกนี้ ที่จะเป็นคนประสบความสำเร็จในชีวิต
 ข้อคิดที่ได้ 
1. หากเราไม่สร้างฝันของตัวเอง แล้วจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
2. ควรวางเป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทำในสิ่งที่ตนเองรัก และทำให้ดีที่สุด

2. ชื่อเรื่อง  สตีฟ จ็อบส์
ข้อสรุปประเด็นที่ได้    
คุณไม่มีวันที่จะเชื่อมโยงจุดและเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยการมองไปข้างหน้าและมองย้อนกลับมาโดยเท่านั้น ที่คุณจะเชื่อมโยงเรื่องต่างๆได้ ดังนั้นคุณจะต้องเชื่อมั่นว่าจุดต่างๆในชีวิต จะเชื่อมต่อกันทางใดทางหนึ่งในอนาคต และคุณต้องกล้าที่จะตัดสินใจเชื่อมั่นและศรัทธาในบางสิ่งบางอย่าง อย่างแน่วแน่ในสิ่งที่จะทำ ไม่ว่าจะเกิดจากพลังแห่งความกล้าหาญ หรือโชคชะตาชีวิต ก็ตาม ที่สำคัญ จงทำตามหัวใจของตัวเอง ตามความฝันของตัวเองให้ได้
ข้อคิดที่ได้
1.จงค้นหาความฝันอย่างแน่วแน่ อย่าหยุดก่อนที่จะไปถึง
2.จงกล้าที่จะเดินตามหัวใจปรารถนาและสัญชาติญาณ
3.อยู่อย่างกระหายและเรียนรู้อยู่เสมอ  (Stay Hungry Stay Foolish)

3. ชื่อเรื่อง  บิล เกตต์
ข้อสรุปประเด็นที่ได้  
11 สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ
ข้อที่ ชีวิตของคนเรานั้นไม่เท่าเทียมกัน และไม่ยุติธรรมกับคุณนักหรอก
ข้อที่ ความสำเร็จที่เกิดจากตัวคุณเองส่วนใหญ่มักเกิดจากความมั่นใจของตัวคุณ
ข้อที่ อย่าหวังว่าคุณจะทำเงินได้ปีละเยอะๆ ล้านทันทีที่เรียนจบ
ข้อที่ ถ้าคุณคิดการเรียนที่น่าเบื่อ ให้ลองไปทำงานแล้วคุณจะรู้การทำงานน่าเบื่อที่สุด    
ข้อที่ การคิดคำสแลงใหม่ไม่ใช่ความผิด   
ข้อที่ จงเรียนรู้ความผิดพลาดอย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว    
ข้อที่ ก่อนจะทำเรื่องอะไรใหญ่ๆ ควรเริ่มจากสิ่งเล็กๆก่อนและจงช่วยกันแบ่งเบาภาระของครอบครัว     
ข้อที่ 8  ชีวิตจริงไม่มีอะไรมาตัดสินว่าแพ้หรือชนะ แต่ชีวิตคือการลองผิด หรือ ลองถูก  
ข้อที่ ไม่มีวันหยุดให้เหมือนเรียนหนังสือ เพราะชีวิตให้เวลากับการค้นหาตัวเองเสมอ    
ข้อที่ 10 จงเชื่อสิ่งที่เป็น  เพราะชีวิตจริงไม่ได้เหมือนในละคร 
ข้อที่ 11 เราควรเป็นมิตรกับความเนิร์ด แล้วเราจะกายจะเป็นนายของตัวเอง
 ข้อคิดที่ได้   
จงพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อพัฒนาตนเองไปสู่ความสำเร็จ

4. ชื่อเรื่อง  อิชิตัน
ข้อสรุปประเด็นที่ได้ 
การที่ประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องผ่านความลำบากก่อนถึงจะสบายในวันข้างหน้า โดยคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเรา ที่จะฝึกฝนและเรียนรู้อยู่ตลอด ไม่ยอมแพ้ ไม่ประมาท และที่สำคัญเป็นคนดี และทุกคนล้วนประสบปัญหาในชีวิต ดังนั้นเมื่อเราล้มเหลว  เราควรหาใครสักคนมาเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เพื่อให้กำลังใจตัวเอง และนำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเป็นบทเรียนแก่ตัวเรา เพื่อที่เราจะไม่ต้องผิดพลาดซ้ำอีกในอนาคตและพร้อมรับมือกับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ จนประสบความสำเร็จ
ข้อคิดที่ได้
1.เรียนไม่จบ ไม่ใช่ไม่ประสบความสำเร็จ
2.ล้มเหลว แต่ไม่ล้มเลิก
3.อุปสรรคคือแบบทดสอบและเเรงพลักดัน

ดาวเด่นของการศึกษา


ดาวเด่นของการศึกษา

1. ชื่อเรื่อง สัมภาษณ์ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC
องค์ความรู้ที่ได้ 
                ประเทศไทยควรได้ผลประโยชน์ทางด้านบวกมากกว่าด้านลบของการเข้าสู่ AEC เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งยุทธศาสตร์เหมาะแก่การลงทุน และการกระจายสินค้า  โดยประเทศไทยมีเศรษฐกิจเป็นอันดับที่ 2 และมีความหลากหลายที่สุด แต่ต้องอาศัยความพร้อม การเตรียมตัว และทรัพยากรมนุษย์ ประเทศไทยควรปฏิรูปการศึกษา วิทยาศาสตร์และทรัพยากรมนุษย์และควรคัดสรรคนมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับข้าราชการให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด เพื่อยกระดับ และเห็นชัดเจน
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    เราควรมีการเตรียมพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารก่อนเปิด AEC อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อคิดที่ได้
   การเตรียมความพร้อมสู่ AECควรเริ่มที่ตัวเราก่อน เราต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน ก่อนที่จะถึงแล้วสูญเปล่าไป

2. ชื่อเรื่อง ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน
องค์ความรู้ที่ได้
ประเทศอื่นๆพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศที่มีคนเก่ง  คนฉลาดและคนที่ปรับปรุงตัวได้เร็ว สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ง่าย เช่น ประเทศสิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีทรัพยากรมนุษย์ที่ดีของโลก เพราะชาวสิงคโปร์เป็นนักคิด นักลงทุน และผู้บริหารชั้นยอด
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
    ควรรู้จักคิดและเรียนรู้ที่จะเป็นนักคิด กล้าแสดงออกที่จะแสดงความคิดเห็นและ รู้จักปรับตัวให้ตนเองกล้าที่จะตัดสินใจทำอะไรได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าสู่AEC อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อคิดที่ได้
    การพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่จะทำให้ประเทศก้าวเข้าสู่ AEC อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ชื่อเรื่อง ดาวเด่นการศึกษาแห่งอาเซียน
องค์ความรู้ที่ได้
ประเทศสิงคโปร์ได้ยอมรับว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุด มาจากการที่รัฐบาลและการอุดหนุนการศึกษาเสมือนการศึกษาแบบให้เปล่า โดยโรงเรียนส่วนใหญ่นั้นก็เป็นรัฐบาลหรือไม่ก็เป็นกึ่งรัฐบาล เอกชนส่วนใหญ่ นั้นจะเป็นนานาชาติ จะมีแนวการสอนที่ทันสมัยไม่ได้เน้นวิชาการเท่านั้นแต่เน้นคุณธรรมคู่กับศิลปะ ทำให้คนสิงคโปร์มีความมั่นใจที่จะกล้าแสดงออก องค์ประกอบสำคัญก็คือครูที่สอน จึงให้ความสำคัญอย่างมากกับอาชีพนี้
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง 
เราควรเป็นคนเก่ง ที่มีคุณธรรมควบคู่ เพื่อสามารถนำไปพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป
ข้อคิดที่ได้
ระบบการศึกษาที่ดีนั้นไม่ใช่แค่เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องเน้นการเรียนด้านอื่นๆควบคู่ไปด้วย

4. ชื่อเรื่อง ปฏิรูปการศึกษา เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์
องค์ความรู้ที่ได้
ในบรรดาสมาชิกอาเซียนทั้งหมด ประเทศเวียดนาม  มีการเติบโตไปทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เปิดประเทศขึ้นมา แม้การปฏิรูปการศึกษาเวียดนามอาจใช้เวลาพอสมควรแต่โรงเรียนก็สามารถปรับตัวได้ การเรียนการสอนนั้นเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางมากขึ้น และมีการออกแบบรูปแบบการสอนใหม่ๆ เพื่อให้เด็กมีการพัฒนากระบวนการคิด  และเป้าหมายเดียวคือการยกระดับการศึกษาเพื่อพัฒนามนุษย์และพัฒนาชาติ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
ควรเรียนรู้และพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน  เพื่อช่วยให้เกิดกระบวนการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจ
ข้อคิดที่ได้
              ควรศึกษาและเรียนรู้อย่างเข้าใจ ในสิ่งที่ชอบและถนัด จะช่วยพัฒนามนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5.ชื่อเรื่อง ประเทศไทยอยู่ตรงไหนก็อาเซียน
องค์ความรู้ที่ได้  
จากการจัดลำดับการศึกษาในกลุ่มสมาชิกอาเซียน WEF ได้เผยข้อมูลว่าWEF  ว่าประเทศไทยเป็นอันดับที่ 8 ของอาเซียนที่ไม่รวมพม่าและลาว  นั่นก็หมายความว่าในประเทศที่เหลือทั้ง 8 ประเทศไทยเป็นอันดับท้ายสุด คุณภาพการศึกษาไทยควรพัฒนามากมาย ทั้งนโยบาย ตัวผู้สอน และตัวผู้เรียนในขณะที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไปเรื่อย คนส่วนใหญ่เลือกที่จะทำอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ครู เพราะมีค่าตอบแทนที่น้อย เราจึงมีการพัฒนาทางด้านความคิด ควรได้รับการส่งเสริมอย่างจริงจัง
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
 เราควรพัฒนาตนเองในทุกๆด้าน เพื่อที่จะก้าวเข้าสู่ AEC ให้ได้
ข้อคิดที่ได้
การเตรียมความพร้อมเข้าสู่AEC นั้น ขึ้นอยู่กับทุกภาคส่วนที่จะช่วยกันพัฒนาคนในประเทศให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น จึงจะพัฒนาประเทศของเราได้

6. ชื่อเรื่อง สายสัมพันธ์ไทย - ลาว
องค์ความรู้ที่ได้
ในบรรดาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยกับต่างประเทศนั้น ลาว หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่มีพรมแดนติดกันทางตอนเหนือและตะวันออก โดยมีแม่น้ำเป็นเส้นทางหล่อเลี้ยงชีวิต  และถือเป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์กับไทยในลักษณะพิเศษกว่าชาติอื่น  เพราะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยภาษาของตนเอง และมีความคล้ายคลึงทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา และวัฒนธรรม  
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
ได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ระหว่างสองประเทศ และสร้างสายสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น
ข้อคิดที่ได้
ถึงแม้จะอยู่คนละประเทศกัน แต่ก็สามารถสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้

7. ชื่อเรื่อง เยือนถิ่นอิเหนา
องค์ความรู้ที่ได้
ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศใหญ่ที่สุดในอาเซียน ทรัพยากรธรรมชาติเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่สืบเชื้อชาติมาจากชาวมาเลย์ ที่เหลือเป็นอาหรับ จีน และยุโรป  และมีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม และการพูดของแต่ละชนเผ่า ประเทศอินโดนีเซียสามารถประสานความหลากหลายเหล่านี้ ได้ดีทีเดียว ร่วมกันพัฒนาเพื่อจะเดินหน้าไปด้วยกัน มีนโยบายมุ่งเน้นภายในประเทศ โดยที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจของอินโดนีเซียมุ่งเน้นการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
ได้นำความรู้เรื่องนโยบายมาปรับใช้และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพของการพัฒนาประเทศ
ข้อคิดที่ได้
             หากแต่ละประเทศมีนโยบายที่เป็นธรรม  ประเทศนั้นก็จะเจริญก้าวหน้าและพัฒนาต่อไป

8.ชื่อเรื่อง เที่ยวฟิลิปปินส์
 องค์ความรู้ที่ได้
ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศเกาะที่มีความโดดเด่นทางความสวยงามของธรรมชาติ ประเทศนี้จึงเป็นศูนย์กลางราชการ เศรษฐกิจ และการขนส่งทางอากาศและทางทะเลที่มีความสำคัญของภูมิภาคนี้ 
 สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
ได้เรียนรู้ความโดดเด่นของประเทศในกลุ่มอาเซียน
ข้อคิดที่ได้
ประเทศในกลุ่มอาเซียนต่างมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป

9. ชื่อเรื่อง เวียดนามเปิด เศรษฐกิจเกิด
องค์ความรู้ที่ได้
เป็นการเปิดประเทศ ทำให้เวียดนามมุ่งสู่ความเป็นเสรีทางเศรษฐกิจ เวียดนามได้ปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องประกอบกับสภาวะการเมืองที่มั่นคง ส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวอย่างรวดเร็วมีการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจที่ใช้กลไกตลาดเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
การปรับเปลี่ยนทัศนคติทำให้เราสามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างเต็มที่            
ข้อคิดที่ได้
ควรเปิดโอกาสการเรียนรู้ของประเทศอื่นๆด้วย  เพื่อสามารถนำมาพัฒนาประเทศของตนเองให้ก้าวทันตามยุคสมัย

10. ชื่อเรื่อง จับมือกันพัฒนาทั้งไทย-พม่า ได้ร่วมกัน
องค์ความรู้ที่ได้
ปัจจุบันพม่าและไทยต่างเปิดประเทศให้คนเข้าไปท่องเที่ยว จึงทำให้รู้ว่าทั้งสองประเทศนั้นต่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งแร่ธาตุ ก๊าซธรรมชาติต่างๆ รวมไปถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การทำธุรกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศ มีความเติบโต และเจริญก้าวหน้า จึงได้มีการทำข้อตกลงต่างๆร่วมกันมากมาย เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ ด้วยการทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทยกับพม่า เป็นความตกลงเพื่อให้ทั้งสองประเทศนั้นมีเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่ดีและ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
การได้เรียนรู้ในสิ่งที่คล้ายคลึงกันแล้วนำมาพัฒนาไปด้วยกันจะทำให้ประเทศทั้งสองสามารถเจริญก้าวหน้าไปด้วยกันได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ
ข้อคิดที่ได้
การร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถือเป็นสิ่งที่ช่วยให้ประเทศทั้งสองนั้นพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

11. ชื่อเรื่อง ไทย-กัมพูชา ร่วมมือกัน
องค์ความรู้ที่ได้
ไทย และกัมพูชา มีข่าวคราวความขัดแย้งอยู่บ่อยครั้ง การสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นก็เป็นไปได้ แต่นั่นเองดีที่ทั้ง 2 ประเทศมีอะไรที่คล้ายๆกัน เริ่มต้นกันโดยไม่ยึดติดกับอดีตทำให้มีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจในหลายมิติ  ASEAN จะเป็นเรื่องการจัดระบบและระเบียบทางการค้าและความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุขในลักษณะเป็นสากล และการเชื่อมเส้นทางคมนาคมมุกดาหาร-สุวรรณาเขต-ดองฮา-ดานัง และเส้นทาง กรุงเทพ –พนมเปญ-โฮจิมินทร์ซิตี้-วังเตา เพื่อความสะดวกของประชาชนทั้งสองประเทศ
สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
ได้เรียนรู้การจัดระบบของประเทศที่มีความแตกต่างกัน และไม่ยึดติดกับความขัดแย้งกันทำให้สามารถร่วมมือกันเพื่อพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น 
ข้อคิดที่ได้
การที่ประเทศทุกประเทศไม่มีความขัดแย้ง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ประเทศนั้นก็จะสามารถร่วมมือเละพัฒนาไปพร้อมๆกันได้อย่างดี